ยางเนิ้ง…น้องสาว ความตาย และความเป็นธรรม
ภู เชียงดาว
(จากบางตอนในหนังสือ แสงดาว ศรัทธามั่น จากเชื้อเจ้าล้านนาสู่ขบถสามัญชน )
เมื่อเอ่ยถึงยางเนิ้งคราใด…ทำให้เขารู้สึกอดถวิลหาความหลัง ครั้งเก่าก่อนมิได้เลย
ยางเนิ้ง… หมายถึงต้นยางที่โน้มเอน
ว่ากันว่าเดิมคงเป็นป่ายางและมีต้นยางบางต้นที่โน้มเอนผิดปกติชาวบ้านจึงเรียกยางเนิ้ง ต่อมากลายเป็นตำบลยางเนิ้งและยกฐานะเป็นอำเภอยางเนิ้งใน พ.ศ. 2434 ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอสารภี อำเภอเล็ก ๆ อำเภอหนึ่งอยู่ติดกั้นกลางระหว่างเมืองเชียงใหม่กับเมืองลำพูน
หากใครผ่านไปผ่านมาบนถนนสายนี้ คงจะมองเห็นร่องรอยอดีตที่ยังคงแฝงฝังไว้ด้วยความงดงามและความหวาดหวั่นลึก ๆ
ถนนสายเชียงใหม่ – ลำพูน ถูกสร้างขึ้นในสมัยพระยาทรงสรุเดช (อั้น บุนนาค) ข้าหลวงมณฑลลาวเฉียง ช่วงปี พ.ศ. 2436 – 2442 โดยเริ่มต้นที่เชิงสะพานนวรัฐ เลาะเลียบแนวปิงห่างไปทางหนองหอย ผ่านอำเภอสารภี ถูกสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ “ เป็นถนนระหว่างเมืองเชียงใหม่ เมืองลำพูน และให้เกวียนเดินด้วย ”
ตามประวัติศาสตร์ล้านนา ว่าไว้ว่า…ปี พ.ศ. 2454 ข้าหลวงคนแรกของมณฑลพายัพ คือ เจ้าพระยาสุรสีห์วิศิษฐ์ศักดิ์ (เชย กัลยาณมิตร) ได้นำต้นยางนามาให้ชาวบ้านช่วยกันปลูกจำนวนกว่าพันต้นตลอดแนวถนนสายเชียงใหม่-ลำพูน
ถนนสายนี้จึงดูงดงามร่มรื่นด้วยต้นยางต้นใหญ่แผ่คลุมสองข้างทาง
ทว่ายังคงขรึมขลังแลดูหวาดสะท้อนในดวงจิตใครหลายคน
ใช่, และทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์วันนั้นได้..ไม่เคยลืม
เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งเป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนสารภีวิทยาคม ทุกเย็นเมื่อโรงเรียนเลิก เธอจะเดินมายืนรอรถประจำทางเพื่อกลับบ้าน บริเวณใต้ต้นยางโบราณใกล้ๆ ตลาดยางเป็นประจำทุกวัน ทุกวัน
ยามเย็นวันหนึ่ง, ของเดือนกันยายน พ.ศ. 2532
เธอเดินออกมาจากปากซอย แวะเข้าไปซื้อน้ำพริกในตลาดยางเนิ้ง ก่อนเดินมายืนรอรถอยู่ตรงนั้น ริมถนนใต้ต้นยาง
ห้วงยามนั้น, อากาศนิ่ง ฟ้าดูหม่นเศร้า สายลมเหมือนหยุดการเคลื่อนไหว
ทันใดนั้น กิ่งไม้ยางแห้งกิ่งใหญ่หักร่วงลงมาฟาดร่างของเธอล้มลงกับพื้นถนนดังสนั่นโครม
หลายคนหันมามองดูด้วยความรู้สึกตื่นตระหนก ร่างของเธอสั่นกระตุกก่อนแน่นิ่ง คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างกรูเข้าไปช่วยเหลือนำร่างเธอไปส่งโรงพยาบาลสารภี เมื่อหมอเห็นว่าอาการหนัก จึงรีบพาส่งโรงพยาบาลมหาราชเชียงใหม่
บนตึกอุบัติเหตุ โรงพยาบาลมหาราช เธอนอนอยู่ตรงนั้น บนเตียงฉุกเฉิน ดูจากสีหน้าเธอบิดเบี้ยว คงจุกและเจ็บปวดมาก เธอเอามือกุมท้องเอาไว้ มีน้ำใส ๆ ไหลออกมาจากดวงตาที่กะพริบถี่ ๆ หมอเดินออกมาบอกว่าศีรษะเธอถกูฟาดอย่างรุนแรง ไหปลาร้าหัก ซี่โครงหักทิ่มทะลุปอด และเลือดคั่งข้างใน
“ทางญาติจะให้ทำาการผ่าตัดไหม” หมอถามญาติ ๆ ที่ยืนอยู่อย่างกระวนกระวาย ทุกคนตัดสินใจยินยอมให้ผ่าตัดสมอง
เวลาแห่งความเป็นความตายห้วงยามนั้นช่างแสนทรมานและเยียบเย็น
หมอเปิดประตูเดินออกมาจากห้องผ่าตัดทุกคนวิ่งกรูเข้าไปถาม
“ขอแสดงความเสียใจด้วย หมอคงไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้เนื่องจากสมองบอบช้ำมาก คนไข้คงจะเสียชีวิตภายในคืนนี้ หรือว่าใกล้แจ้ง” หมอที่ทำการผ่าตัดส่ายหน้า บอกกับญาติทุกคน
อุไร พี่สาวของเธอ คนที่เพิ่งไปนั่งวิปัสสนากรรมฐานมาหมาดๆ เดินเข้าไปในห้องผ่าตัด ยืนสงบอยู่ ณ ตรงนั้น ทำสมาธิแผ่เมตตาไปถึงน้องสาวที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงผ่าตัด นานหลายนานกับบรรยากาศเงียบสงบไร้เสียงสนทนา หากมองเห็นหยาดน้ำตาของน้องสาวเปียกชื้นรินไหลอาบแก้มอันซีดเซียว…ก่อนหมดลมหายใจ ทุกๆ คนเดินออกมานอกห้อง กอดคอกันร้องไห้ด้วยโศกาอาดูรกับการจากไปของเธอ…
“ใช่..แม่หญิงคนนั้นก็คือน้องสาวของอ้ายนั่นแหละ” เขาบอกผมด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“แกเป็นคนดี เป็นคนใจบุญมาก ๆ ถึงแม้ยังไม่ได้แต่งงาน แต่แกรักเด็ก ๆ ชอบให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนทุก ๆ ปี แม้กระทั่งหลาน ๆ ทั้งหมด เธอจะมอบเงินให้ทุก ๆ เดือน โดยเฉพาะ ตาน ลูกสาวของครูศักดิ์ซึ่งแกรักและเป็นห่วงมากที่สุด เพราะว่าแกเลี้ยงดูมาอย่างใกล้ชิด” พี่สาวของเขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำาเสียงเศร้าสร้อย…
จริงสิ การตายของน้องสาว คนอื่นอาจมองว่าเป็นเรื่องอุบัติเหตุสุดวิสัย
หากเขาไม่ได้มองแค่นั้น เขาเชื่อว่าเป็นความบกพร่อง เป็นความสะเพร่าของแขวงการทางและกรมทางหลวงที่ต้องจัดการดูแลความปลอดภัยของผู้คนที่สัญจรไปมาบนถนนสายนั้นด้วย
เขาได้ทำหนังสือฟ้องต่อศาล เพื่อให้แขวงการทางและกรมทางหลวง ออกมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเรียกร้องสิทธินั้นเนื่องจากน้องสาวของเขาเป็นผู้เลี้ยงดูอุปการะพ่อซึ่งเฒ่าแก่แล้ว สุดท้าย…เขาสามารถฟ้องร้องต่อศาลจนชนะความ ฝ่ายแขวงการทาง กรมทางหลวงเป็นฝ่ายผิดและยินยอมชดใช้ค่าเสียหาย
เหตุการณ์นี้ถือว่าเป็นรายแรกที่ออกมาปกป้องเรียกร้องสิทธิของชาวบ้าน ทั้งๆ ที่ผ่านมามีชาวบ้านเคราะห์ร้ายเสียชีวิตกับเหตุการณ์อย่างนี้มาหลายรายแล้ว แต่ทุกอย่างก็เงียบไม่มีใครเข้ามารับผิดชอบแต่อย่างใด
“จริงๆ แล้ว อ้ายไม่ใช่เป็นคนเห็นแก่เงินอันน้อยนิด เมื่อแลกกับกับชีวิตที่สูญเสียไป แต่อยากให้พวกเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมีจิตสำนึกที่จะรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นกันบ้าง อ้ายต้องการให้เป็นตัวอย่าง”เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดจริงจัง
พี่สาวของเขาเล่าให้ฟังว่า หลังจากได้รับเงินค่าชดเชยแสนกว่าบาท เขาได้นำเงินก้อนนั้นมาแบ่งเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนที่น้องสาวเคยสอนอยู่ ส่วนหนึ่งมอบให้ทีมทนายที่ช่วยว่าความให้ นอกนั้นได้นำไปทำบุญให้น้องสาว
และนับแต่นั้นมา ทำให้แขวงการทางและกรมทางหลวงเกิดความตื่นตัวกันมากขึ้น หมั่นตรวจตราดู เมื่อเห็นกิ่งไม้แห้งพวกเขาจะรีบเร่งตัดกิ่งไม้ต้นยางกันทันทีเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นกับผู้คนที่ใช้ถนนสายนั้น
ถนนที่หลายๆ คนบอกกันว่าเป็นถนนสายที่งดงามสายหนึ่งของประเทศ
ผมกลับมานั่งอ่านหนังสือ “รอยเท้าและทางเดิน” ของ จันทนา ฟองทะเล มิ่งมิตรอีกคนหนึ่งที่เขียนถึงเขาในเรื่อง “ยางเนิ้ง ยางนา กับอ้ายแสงดาว”
ผมชอบบทสุดท้าย “แต่อ้ายยังยืนยันว่า ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ความผิดของต้นยาง”อ้ายแสงดาวยืนยันหนักแน่น
รถยนต์เคลื่อนเกาะแนวถนนดำไปอย่างเชื่องช้า ยางนาจัดแถวยืนต้นเป็นระเบียบเรียบร้อย สง่า สงบและนิ่งเฉย
ผมหวังว่าเทพารักษ์ผู้ดูแลยางนาคงจะได้ยินบทสนทนาของเรา และเรื่องเล่าเศร้าๆ แต่อหังการของอ้ายแสงดาว….